“ยูนิตเสียกลางเคส” อาจดูเหมือนเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นบ่อย แต่ถ้าเกิดขึ้นเมื่อไหร่บอกเลยค่ะว่า คุณหมออาจเจอความปั่นป่วนระดับ mini crisis ได้เลย ลองนึกภาพตามนะคะว่าคุณหมอกำลังโฟกัสกับเคสที่มีความละเอียด อย่างเช่นการถอนฟันหรือฝังรากฟันเทียมอยู่ดี ๆ เก้าอี้ไม่ขยับ หัวดูดน้ำลายไม่ทำงาน ไฟดับ หรือเสียงมอเตอร์ดังจนคุณหมอเสียสมาธิ สถานการณ์แบบนี้นอกจากจะทำให้เครียดแล้วยังทำลายความประทับใจของคนไข้อย่างเลี่ยงไม่ได้เลยค่ะ
ยูนิตทันตกรรม = หัวใจของคลินิก
ถ้ามองแบบทั่วไปยูนิตก็คือ เก้าอี้ทำฟัน แต่ถ้ามองในมุมของคุณหมอและคนไข้ ยูนิตคือศูนย์กลางการควบคุมของห้องทำฟันเลยค่ะเพราะมันคือจุดรวมของ เก้าอี้สำหรับนอนทำฟัน ระบบไฟส่องในปาก หัวดูดน้ำลาย หัวฉีดลม-น้ำ และการควบคุม handpiece ต่าง ๆ แล้วเมื่อไหร่ที่ยูนิตเริ่มงอแงความไหลลื่นในการรักษาก็จะเริ่มสะดุดทันทีเลยค่ะ
ยูนิตของคุณหมอเก่าและเริ่มมีสัญญาณแบบนี้ไหมคะ?
คุณหมอสามารถสังเกตสัญญาณเตือนของยูนิตที่ “ใกล้ถึงเวลาเปลี่ยน” ได้จากอาการเหล่านี้ได้เลยนะคะ
- เก้าอี้ปรับช้า หรือไม่ขยับบางจังหวะ
- ไฟทำงานกระพริบหรือสว่างไม่สม่ำเสมอ
- ได้ยินเสียงผิดปกติจากมอเตอร์หรือมีกลิ่นไหม้เบา ๆ
- แรงดูดอ่อนลงหรือไม่ดูดเลย
- ระบบน้ำไม่สม่ำเสมอหรือมีฟองอากาศ
- แผงควบคุมค้างหรือทำงานช้า
ถ้ามี 2–3 ข้อขึ้นไปแนะนำว่าคุณหมอควรเริ่มวางแผนเปลี่ยนยูนิตล่วงหน้าได้เลยนะคะ เพราะการป้องกันก่อนเสียย่อมดีกว่าปล่อยให้เสียแล้วเครียดทีหลังค่ะ
“เสียกลางเคส” ไม่ใช่แค่เสียเครื่อง แต่คือการเสียโอกาส
หลายคลินิกอาจคิดว่า “ยังใช้ได้อยู่ ซ่อมอีกนิดก็น่าจะอยู่ต่อได้” แต่ความจริงคือการเสียกลางเคสอาจทำให้คนไข้เสียความมั่นใจกับการรักษา คุณหมอเสียสมาธิจนพลาดจุดสำคัญ ทีมงานเสียเวลาต้องหายูนิตสำรองหรือเลื่อนคิว คลินิกเสียโอกาสเพราะลูกค้าอาจไม่กลับมาอีก และที่สำคัญคือเสียภาพลักษณ์ของคลินิก ซึ่งบางครั้งฟื้นยากกว่าการลงทุนเปลี่ยนยูนิตใหม่อีกค่ะ
ค่าซ่อมอาจมากกว่าค่าเปลี่ยน
คุณหมอรู้ไหมคะว่าหลายคลินิกจ่ายค่าซ่อมหลายรอบจนแพงกว่าค่ายูนิตใหม่ไปแล้วแต่เพราะจ่ายทีละนิด จึงไม่รู้สึกว่าต้นทุนแฝงที่ต้องจ่ายทีละนิดละหน่อยนั้นเยอะมากไม่ว่าจะเป็น
- ค่าช่าง ค่าอะไหล่ ค่าแรงงานคน
- เวลาที่เสียไปกับการเลื่อนนัด การโทรไปขอโทษคนไข้ และการปรับแผนการรักษา
- ความเหนื่อยล้าของทีมที่ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอยู่เรื่อย ๆ
- ต้นทุนทางชื่อเสียงเมื่อคนไข้ไปเล่าต่อว่า “คลินิกเครื่องเสียตอนรักษา”
ลองคำนวณดูดี ๆ แล้วการเปลี่ยนยูนิตใหม่ที่ดีตั้งแต่แรกอาจคุ้มกว่ามากนะคะ
วางแผนเปลี่ยนยูนิตอย่างมืออาชีพ

เพื่อไม่ให้เกิดวิกฤตกลางเคส คุณหมอสามารถเริ่มจาก
- ตรวจเช็กยูนิตทุก 6 เดือน ถ้าไม่มีช่างประจำแนะนำให้ใช้บริการจากทีมที่ชำนาญเฉพาะทางค่ะ
- ดูอายุการใช้งานถ้ายูนิตเกิน 7–10 ปี และหาอะไหล่ยากถือว่าควรเปลี่ยนได้แล้ว
- วางแผนวันเปลี่ยนล่วงหน้า เลือกช่วงวันหยุดหรือวันที่ไม่มีนัดเพื่อไม่ให้กระทบเคสนัดคนไข้
- เลือกยูนิตที่อัปเกรดได้ในอนาคต เช่น รองรับระบบดิจิทัล เชื่อมต่อกับ Intraoral Scanner หรือซอฟต์แวร์ต่าง ๆ
- เลือกรุ่นที่มีทีมช่างดูแลในประเทศ เพราะเวลามีปัญหาทีม local support จะช่วยแก้ไขได้รวดเร็วค่ะ
แล้วจะเลือกยูนิตใหม่ยังไงดีนะ?
เวลาคุณหมอเลือกยูนิตใหม่ ลองดูจากปัจจัยเหล่านี้นะคะ
- ระบบครบ: น้ำ ลม แรงดูด ไฟ มอเตอร์ ใช้งานลื่นทุกฟังก์ชัน
- รองรับสรีระ: ทั้งคุณหมอและคนไข้นั่งสบายไม่เกร็ง
- วัสดุคุณภาพ: ทนต่อการใช้งานหนักต่อเนื่อง
- ผู้จำหน่ายมีอะไหล่พร้อมเสมอ: ไม่ต้องรอข้ามประเทศเวลาต้องเปลี่ยน
- ทีมช่างมืออาชีพ: บริการหลังการขายคือหัวใจเลยค่ะ

“ยูนิตดี = เคสราบรื่น = คนไข้ประทับใจ = คลินิกเติบโต” อย่ารอให้พังกลางเคสแล้วเสียทั้งชื่อเสียงและความมั่นใจเลยนะคะ ถึงเวลาวางแผนล่วงหน้าเพื่อความเชื่อมั่นของทีมและคนไข้แล้วค่ะ
Facebook: Dental Vision -Thailand ศูนย์จำหน่ายเครื่องมือทันตกรรมพรีเมียม
หรือแอดไลน์มาเป็นเพื่อนกับเราได้นะคะที่: @dentalvision