0
0
Subtotal: ฿0.00
No products in the cart.
0
0
Subtotal: ฿0.00
No products in the cart.

อย่ารอให้ “ยูนิตเสียกลางเคส” แล้วค่อยเปลี่ยน

ยูนิตเสียกลางเคส” อาจดูเหมือนเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นบ่อย แต่ถ้าเกิดขึ้นเมื่อไหร่บอกเลยค่ะว่า คุณหมออาจเจอความปั่นป่วนระดับ mini crisis ได้เลย ลองนึกภาพตามนะคะว่าคุณหมอกำลังโฟกัสกับเคสที่มีความละเอียด อย่างเช่นการถอนฟันหรือฝังรากฟันเทียมอยู่ดี ๆ เก้าอี้ไม่ขยับ หัวดูดน้ำลายไม่ทำงาน ไฟดับ หรือเสียงมอเตอร์ดังจนคุณหมอเสียสมาธิ สถานการณ์แบบนี้นอกจากจะทำให้เครียดแล้วยังทำลายความประทับใจของคนไข้อย่างเลี่ยงไม่ได้เลยค่ะ

ยูนิตทันตกรรม = หัวใจของคลินิก

ถ้ามองแบบทั่วไปยูนิตก็คือ เก้าอี้ทำฟัน แต่ถ้ามองในมุมของคุณหมอและคนไข้ ยูนิตคือศูนย์กลางการควบคุมของห้องทำฟันเลยค่ะเพราะมันคือจุดรวมของ เก้าอี้สำหรับนอนทำฟัน ระบบไฟส่องในปาก หัวดูดน้ำลาย หัวฉีดลม-น้ำ และการควบคุม handpiece ต่าง ๆ แล้วเมื่อไหร่ที่ยูนิตเริ่มงอแงความไหลลื่นในการรักษาก็จะเริ่มสะดุดทันทีเลยค่ะ

ยูนิตของคุณหมอเก่าและเริ่มมีสัญญาณแบบนี้ไหมคะ?

คุณหมอสามารถสังเกตสัญญาณเตือนของยูนิตที่ “ใกล้ถึงเวลาเปลี่ยน” ได้จากอาการเหล่านี้ได้เลยนะคะ

  • เก้าอี้ปรับช้า หรือไม่ขยับบางจังหวะ
  • ไฟทำงานกระพริบหรือสว่างไม่สม่ำเสมอ
  • ได้ยินเสียงผิดปกติจากมอเตอร์หรือมีกลิ่นไหม้เบา ๆ
  • แรงดูดอ่อนลงหรือไม่ดูดเลย
  • ระบบน้ำไม่สม่ำเสมอหรือมีฟองอากาศ
  • แผงควบคุมค้างหรือทำงานช้า

ถ้ามี 2–3 ข้อขึ้นไปแนะนำว่าคุณหมอควรเริ่มวางแผนเปลี่ยนยูนิตล่วงหน้าได้เลยนะคะ เพราะการป้องกันก่อนเสียย่อมดีกว่าปล่อยให้เสียแล้วเครียดทีหลังค่ะ

“เสียกลางเคส” ไม่ใช่แค่เสียเครื่อง แต่คือการเสียโอกาส

หลายคลินิกอาจคิดว่า “ยังใช้ได้อยู่ ซ่อมอีกนิดก็น่าจะอยู่ต่อได้” แต่ความจริงคือการเสียกลางเคสอาจทำให้คนไข้เสียความมั่นใจกับการรักษา คุณหมอเสียสมาธิจนพลาดจุดสำคัญ ทีมงานเสียเวลาต้องหายูนิตสำรองหรือเลื่อนคิว คลินิกเสียโอกาสเพราะลูกค้าอาจไม่กลับมาอีก และที่สำคัญคือเสียภาพลักษณ์ของคลินิก ซึ่งบางครั้งฟื้นยากกว่าการลงทุนเปลี่ยนยูนิตใหม่อีกค่ะ

ค่าซ่อมอาจมากกว่าค่าเปลี่ยน

คุณหมอรู้ไหมคะว่าหลายคลินิกจ่ายค่าซ่อมหลายรอบจนแพงกว่าค่ายูนิตใหม่ไปแล้วแต่เพราะจ่ายทีละนิด จึงไม่รู้สึกว่าต้นทุนแฝงที่ต้องจ่ายทีละนิดละหน่อยนั้นเยอะมากไม่ว่าจะเป็น

  • ค่าช่าง ค่าอะไหล่ ค่าแรงงานคน
  • เวลาที่เสียไปกับการเลื่อนนัด การโทรไปขอโทษคนไข้ และการปรับแผนการรักษา
  • ความเหนื่อยล้าของทีมที่ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอยู่เรื่อย ๆ
  • ต้นทุนทางชื่อเสียงเมื่อคนไข้ไปเล่าต่อว่า “คลินิกเครื่องเสียตอนรักษา”

ลองคำนวณดูดี ๆ แล้วการเปลี่ยนยูนิตใหม่ที่ดีตั้งแต่แรกอาจคุ้มกว่ามากนะคะ

วางแผนเปลี่ยนยูนิตอย่างมืออาชีพ

วางแผนเปลี่ยนยูนิตอย่างมืออาชีพ

เพื่อไม่ให้เกิดวิกฤตกลางเคส คุณหมอสามารถเริ่มจาก

  • ตรวจเช็กยูนิตทุก 6 เดือน ถ้าไม่มีช่างประจำแนะนำให้ใช้บริการจากทีมที่ชำนาญเฉพาะทางค่ะ
  • ดูอายุการใช้งานถ้ายูนิตเกิน 7–10 ปี และหาอะไหล่ยากถือว่าควรเปลี่ยนได้แล้ว
  • วางแผนวันเปลี่ยนล่วงหน้า เลือกช่วงวันหยุดหรือวันที่ไม่มีนัดเพื่อไม่ให้กระทบเคสนัดคนไข้
  • เลือกยูนิตที่อัปเกรดได้ในอนาคต เช่น รองรับระบบดิจิทัล เชื่อมต่อกับ Intraoral Scanner หรือซอฟต์แวร์ต่าง ๆ
  • เลือกรุ่นที่มีทีมช่างดูแลในประเทศ เพราะเวลามีปัญหาทีม local support จะช่วยแก้ไขได้รวดเร็วค่ะ

แล้วจะเลือกยูนิตใหม่ยังไงดีนะ?

เวลาคุณหมอเลือกยูนิตใหม่ ลองดูจากปัจจัยเหล่านี้นะคะ

  1. ระบบครบ: น้ำ ลม แรงดูด ไฟ มอเตอร์ ใช้งานลื่นทุกฟังก์ชัน
  2. รองรับสรีระ: ทั้งคุณหมอและคนไข้นั่งสบายไม่เกร็ง
  3. วัสดุคุณภาพ: ทนต่อการใช้งานหนักต่อเนื่อง
  4. ผู้จำหน่ายมีอะไหล่พร้อมเสมอ: ไม่ต้องรอข้ามประเทศเวลาต้องเปลี่ยน
  5. ทีมช่างมืออาชีพ: บริการหลังการขายคือหัวใจเลยค่ะ
“ยูนิตดี = เคสราบรื่น = คนไข้ประทับใจ = คลินิกเติบโต”

“ยูนิตดี = เคสราบรื่น = คนไข้ประทับใจ = คลินิกเติบโต” อย่ารอให้พังกลางเคสแล้วเสียทั้งชื่อเสียงและความมั่นใจเลยนะคะ ถึงเวลาวางแผนล่วงหน้าเพื่อความเชื่อมั่นของทีมและคนไข้แล้วค่ะ

Facebook: Dental Vision -Thailand ศูนย์จำหน่ายเครื่องมือทันตกรรมพรีเมียม

หรือแอดไลน์มาเป็นเพื่อนกับเราได้นะคะที่: @dentalvision

Scroll to Top

Register

Create your DENTAL VISION THAILAND Member profile